บันทึกการเรียนครั้งที่ 8
ให้นักศึกษาออกมาติดชื่อสมาชิกที่มาเรียนในวันนี้หน้ากระดานโดยเเบ่งเป็น 5 กลุ่ม เลขที่1-5 เป็นต้นโดยจะให้คนที่มาเรียนก่อนติดเป็นคนเเรก หลังจากนั้นก็ช่วยกันดูว่าวันนี้มีเพื่อนมาเรียนทั้งหมดกี่คน เเละเปรียบเทียบว่ากลุ่มไหนที่มีสมาชิกน้อยที่สุด มากที่สุดหรือเท่ากันบ้าง ในการที่ทำกิจกรรมนี้เพื่อเเสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้คณิตศาตร์ได้ง่ายๆโยผ่านการใช้ชีวิตประจำวันผ่านการนับเลข บอกจำนวน ผ่านสื่อเเละตามมุมประสบการณ์
น.ส. วราภรณ์ แทนคำ เลขที่ 19 นำเสนอบทความ
เรื่อง....ทำไมถึงต้องสอนคณิตให้กับเด็ก
เด็กในวัย 0-3 ปี สามารถเเยกจำนวนมากๆได้โดยการใช้สมองซีกขวา เด็กจะมีการเรียนรู้ได้เร็วเเต่ประโยชน์ที่ได้รับไม่ได้เเค่ความรู้ที่เกี่ยวกับคณิตเพียงอย่างเดียว การที่สมองซีกขวาได้ทำงานจะช่วยให้สมองไม่ฟ้อเเละยังเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายอีกด้วย
น.ส. รัตนาภรณ์ คงกะพันธ์ เลขที่ 20 นำเสนอบทความ
เรื่อง....คณิตศาสตร์เรียนอย่างไรให้สนุก
จะเรียนให้สนุกจะต้องมีการเรียนปนเล่น ต้องใช้สื่อ เพลง เกม เข้ามาช่วยเพื่อให้เด็กได้มีการเรียนรู้ที่ดีเเละรวดเร็วยังช่วยให้เด็กไม่เบื่อเเละอยากที่จะเรียน เด็กช่วงนี้จะชอบการได้ลงมือกระทำด้วยตนเองเเละชอบสัมผัสมีสิ่งที่สวยงามจะช่วยให้เด็กมีการเรียนรู้ที่มีประสิทธฺภาพมากขึ้น ผู้จัดกิจกรรมจะต้องให้เวลาเเก่เด็กไม่ควรตำหนิ เวลาที่เโ้กไม่ทำการบ้านเเละไม่ควรใช้เครื่องหมายกากาบาทลงบนหนังสือของเด็กเมื่อเด็กมีการทำผิดเเต่ให้ใช้การอธิบายให้เด็กเข้าใจ การสอนเเบบนี้เพื่อที่จะให้เด็กมีทัศนคติที่ในการเรียนวิชาคณิตศสาตร์
การสอนแบบโครงการ (Project Approach)
โครงการ คือ การสืบค้นข้อมูลอย่างลึกตามหัวเรื่องที่เด็กสนใจควรเเก่การเรียนรู้ จุดประสงค์ของโครงการ คือ การเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อมากกว่าการเสาะเเสวงหาคำตอบที่ถูกต้อง
วิธีจัดการเรียนการสอนมี 4 ระยะ คือ
* ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ
เด็กจะร่วมกันคิดเรื่องที่สนใจ
* ระยะที่ 2 ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลาที่กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไร
กำหนดขอบเขตเนื้อหา ระยะเวลาและวิธีการศึกษา
* ระยะที่ 3 ดำเนินโครงการตามที่กำหนดไว้
ที่เน้นระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอนแบบโครงการ
เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะเด็กได้สนทนา
พูดคุยกับบุคคล และสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้
ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอง (Secondary Sources) เช่น การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น
* ระยะที่ 4 สรุปโครงการ ครูและเด็กร่วมวางแผนสรุปโครงการ
เป็นขั้นตอนการประเมินโครงการ ทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่
วิธีการสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับมอบหมายมาแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา
หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปของการจัดแสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน
ประโยชน์
· เด็กจะได้เ้ห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นเเนวทางให้เด็กได้พึ่งตนเองได้
· เด็กเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง อย่างมีความสุข สนุกสนานเพราะเด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองชอบ
· ส่งเสริมให้เด็กได้มีการทำงานอย่างมีเเบบแผน
· สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตจริง
การสอนเเบบมอนเตสเซอรี
วิธีการจัดการเรียนการสอน
เน้นการเรียนรู้ตามลำดับขั้น
ไม่ต้องการให้เด็กลองผิดลองถูก สร้างสมาธิ ความมั่นใจ
ครูสามารถวินิจฉัยและแก้ปัญหาการเรียนรู้ของเด็กได้
โดยสาธิตและฝึกให้เด็กเรียนรู้และตัดสินใจด้วยตนเอง
การเตรียม =
ครูเตรียมอุปกรณ์การศึกษาเด็กสามารถเข้าเรียนแบบคละอายุได้
การดำเนินการ = ขั้นนำ
เด็กเลือกอุปกรณ์การศึกษาตามความสนใจ ,ขั้นสอน ครูสาธิตให้เด็กดู
ขั้นสรุป ครูให้เด็กเก็บอุปกรณ์
ครูบันทึกความรู้ ครูบันทึกรายการอุปกรณ์
ประโยชน์
· มีพัฒนาการทุกด้านเต็มตามศักยภาพ
· มีระเบียบวินัย
·มีสมาธิในการทำงานรักความสงบ
· ควบคุมตนเองและพึ่งพาตนเองได้
· ทำงานร่วมกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น
· รู้สิทธิของตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่น
· มีมารยาทตามวัฒนธรรมที่ตนอาศัยอยู่
· รักอิสระและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
· รักสิ่งแวดล้อม
วิชาวิทยาศาสตร์(Science)
การสอนเเบบสมองเป็นฐาน
-ทดสอบก่อนเรียน
วิธีการสอน
-การใช้เพลงประอบการเรียนการสอน
· มีระเบียบวินัย
·มีสมาธิในการทำงานรักความสงบ
· ควบคุมตนเองและพึ่งพาตนเองได้
· ทำงานร่วมกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น
· รู้สิทธิของตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่น
· มีมารยาทตามวัฒนธรรมที่ตนอาศัยอยู่
· รักอิสระและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
· รักสิ่งแวดล้อม
การสอนเเบบ STEM
STEM คือการเรียนรู้
วิชาวิทยาศาสตร์(Science)
เทคโนโลยี (Technology)
วิศวกรรมศาสตร์(Engineering)
คณิตศาสตร์
(Mathematics)
ซึ่งล้วนเป็นวิชาที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีความรู้ความสามารถที่จะดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพในโลกศตวรรษที่
21 ซึ่งเป็นโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
มีความเป็นโลกาภิวัฒน์ ตั้งอยู่บนฐานความรู้และเต็มไปด้วยเทคโนโลยี
อีกทั้งวิชาทั้งสี่เป็นวิชาทีมีความสำคัญอย่างมากกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
การพัฒนาคุณภาพชีวิต และ ความมั่นคงของประเทศ
BBL (Brain-based Learning) คือการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของสมองแต่ละช่วงวัย เป็นการนำองค์ความรู้เรื่องสมองมาใช้เป็นฐานในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้
ทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน 12 ข้อ ดังต่อไปนี้
1)สมองเป็นกระบวนการคู่ขนาน 2)สมองกับการเรียนรู้ 3)การเรียนรู้มีมาแต่กำเนิด 4)รูปแบบการเรียนรู้ของบุคคล 5) ความสนใจมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ 6)สมองมีหน้าที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ 7)การเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจสามารถรับรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 8)การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทั้งแบบที่มีจุดมุ่งหมายและไม่ได้ตั้งใจ 9)การเรียนรู้ที่เกิดจากกระบวนการสร้างความเข้าใจ 10)การเรียนรู้เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น 11)ส่งเสริมให้ผู้เรียนเผชิญกับสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ 12)สมองของบุคคลมีความเท่าเทียมกัน
เพลง เท่ากัน -
ไม่เท่ากัน
ช้างมีสี่ขา
ม้ามีสี่ขา
คนเรานั้นหนา สองขาต่างกัน
ช้างม้ามี สี่ขาเท่ากัน (ซ้ำ)
แต่กับคนนั้น
ไม่เท่ากันเอย (ซ้ำ)
ทักษะ
-ทดสอบก่อนเรียน
-มีการระดมความคิด
-มีการวาดรูปในตารางให้เป็นรูปต่างเละต่อรูปทรง
-การใช้เพลงประอบการเรียนการสอน
-มีการใช้คำถามพื่อให้ นักศึกษาได้คิด
-บรรยายการสอน power point
ประเมินสภาพห้องเรียน
- บรรยากาศเย็นสบายเอื้ออำนวยต่อการเรียน อุปกรณ์ในการสอนสะดวกพร้อมใช้งาน
ประเมินตนเอง
- มาเรียนตรงเวลา ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมในห้องเรียน มีการคิด วิคราะห์อยู่ตลอดเวลา
ประเมินเพื่อน
- เพื่อนมีการคุยกันเสียงดังบ้าง ไม่ตั้งใจฟังอาจารย์สอน เข้าเรียนสาย
ประเมินอาจารย์
- เข้าสอนตรงเวลา มีกิจกรรมใหม่ๆมาให้ทำตลอด ไม่ว่าจะเป็นการต่อรูปทรงการแต่งเพลงร่วมกันในห้องเรียน ทำให้ในการเรียนไม่น่าเบื่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น